คปภ. ลงพื้นที่ทันที เพื่อช่วยเหลือด้านประกันภัยกรณีรถทัวร์พุ่งชนตอม่อพังยับที่จังหวัดสระบุรี
เผยรถทัวร์โดยสารทำประกัน “พ.ร.บ. – ภาคสมัครใจประเภท 3 – ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล” โดยระบบประกันภัยพร้อมเยียวยาผู้โดยสารที่เสียชีวิต 6 ราย เจ็บ 24 ราย อย่างเต็มที่
ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า จากกรณีรถทัวร์โดยสารประจำทาง 2 ชั้น ปรับอากาศ สายกรุงเทพฯ – สุวรรณภูมิ ของบริษัท สหพันธ์ร้อยเอ็ดทัวร์ จำกัด ทะเบียน 10-4428 ร้อยเอ็ด เกิดอุบัติเหตุเสียหลักพุ่งชนเสาสะพานต่างระดับ บนทางหลวงหมายเลข 2 ถนนมิตรภาพ บริเวณ กม. 4+500 ขาเข้ากรุงเทพฯ ตำบลตลิ่งชัน อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี โดยสภาพรถทัวร์เสียหายทั้งคัน มีผู้โดยสารรวมพนักงานรถ 30 ราย ในที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิต 5 ราย เสียชีวิตที่โรงพยาบาล 1 ราย และบาดเจ็บ 24 ราย โดยผู้บาดเจ็บ ถูกนำส่งโรงพยาบาลสระบุรี โรงพยาบาลเสาไห้ และโรงพยาบาลแก่งคอย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2565 นั้น เบื้องต้นได้สั่งการให้สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ บูรณาการร่วมกับสายส่งเสริมและประกันภัยภูมิภาค สำนักงาน คปภ. ภาค 4 (นครราชสีมา) และสำนักงาน คปภ. จังหวัดสระบุรี ในฐานะเจ้าของพื้นที่เกิดเหตุ ตรวจสอบการทำประกันภัยพร้อมเร่งอำนวยความสะดวกด้านประกันภัยให้กับผู้ประสบภัย ตลอดจนติดตามรายงาน ความเสียหายอย่างเร่งด่วนผ่าน Platform การรายงานข้อมูลกรณีอุบัติภัยกลุ่มหรือรายใหญ่ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งให้ลงพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกด้านประกันภัยให้กับผู้ประสบภัยและครอบครัว เพื่อใช้ระบบประกันภัยช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม
ทั้งนี้ ได้รับรายงานจากสำนักงาน คปภ. จังหวัดสระบุรี ว่า รถทัวร์โดยสาร ทะเบียน 10-4428 ร้อยเอ็ด ได้ทำประกันภัยภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ไว้กับบริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย จำกัด (มหาชน) เริ่มต้นคุ้มครองวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2565 สิ้นสุดวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2566 โดยคุ้มครองกรณีเสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง 500,000 บาทต่อคน กรณีบาดเจ็บสูงสุด ไม่เกิน 80,000 บาทต่อคน กรณีสูญเสียอวัยวะ 200,000 – 500,000 บาทต่อคน กรณีทุพพลภาพอย่างถาวร 300,000 บาทต่อคน และกรณีเข้ารักษาในสถานพยาบาลในฐานะคนไข้ในจะได้รับค่าชดเชยรายวัน 200 บาทต่อวัน รวมกันไม่เกิน 20 วัน นอกจากนี้ รถทัวร์คันเกิดเหตุ ได้ทำประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ (ประเภท 3) ไว้กับบริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย จำกัด (มหาชน) เริ่มต้นคุ้มครองวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2565 สิ้นสุดวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2566 โดยคุ้มครองความรับผิดต่อชีวิต ร่างกาย อนามัย ของบุคคลภายนอก 500,000 บาทต่อคน แต่ไม่เกิน 10,000,000 บาทต่อครั้ง และความเสียหายต่อทรัพย์สิน ไม่เกิน 300,000 บาทต่อครั้ง รวมทั้ง ได้ทำประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (ประเภทผู้ขับขี่และผู้โดยสารไม่ระบุชื่อ) ไว้กับบริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย จำกัด (มหาชน) เริ่มต้นคุ้มครองวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2565 สิ้นสุดวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2566 โดยคุ้มครองกรณีเสียชีวิต การสูญเสียอวัยวะ สายตา หรือ ทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง 100,000 บาทต่อผู้โดยสาร 1 คน และค่ารักษาพยาบาลต่ออุบัติเหตุแต่ละครั้ง 50,000 บาทต่อผู้โดยสาร 1 คน สำหรับการจ่ายค่าสินไหมทดแทนของผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นผู้โดยสารทั้ง 6 ราย ในเบื้องต้นครอบครัวผู้เสียชีวิต จะได้รับค่าสินไหมทดแทน รายละ 1,100,000 บาท จากการประกันภัยภาคบังคับ (พ.ร.บ.) รายละ 500,000 บาท การประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ (ประเภท 3) รายละ 500,000 บาท และกรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล รายละ 100,000 บาท ในส่วนของผู้บาดเจ็บ 24 ราย ที่ถูกนำส่งเข้ารักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลสระบุรี โรงพยาบาลเสาไห้ และโรงพยาบาลแก่งคอย เจ้าหน้าที่ของสำนักงาน คปภ. จังหวัดสระบุรี ได้ติดตามผู้ป่วยไปตามโรงพยาบาลต่าง ๆ เพื่อประสานกับบริษัทประกันภัยเข้าไปอำนวยความสะดวกและรับรองสิทธิค่ารักษาพยาบาลกับโรงพยาบาลโดยตรง โดยผู้บาดเจ็บไม่ต้องสำรองจ่ายค่ารักษาตัวแต่อย่างใด
นอกจากนี้ สำนักงาน คปภ. จะบูรณาการการทำงานร่วมกับสมาคมประกันชีวิตไทย และสมาคมประกันวินาศภัยไทย เพื่อตรวจสอบเพิ่มเติมว่า ผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บในอุบัติเหตุครั้งนี้มีการทำประกันภัยประเภทอื่น ๆ ไว้ด้วยหรือไม่ หากตรวจสอบพบภายหลังว่าผู้ประสบภัยมีการทำประกันภัยประเภทอื่น ๆ เพิ่มเติมอีก ก็จะได้รับค่าสินไหมทดแทนเพิ่มเติมตามสัญญาประกันภัยที่ระบุไว้ทุกประการ “ สำนักงาน คปภ.ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตและมีความห่วงใยต่อผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุครั้งนี้ พร้อมจะดูแลในด้านประกันภัยอย่างเต็มที่ ทั้งนี้อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลาและกับทุกคน โดยเฉพาะการเดินทางในช่วงวันหยุดเสาร์และอาทิตย์ จึงขอให้ผู้ใช้รถตรวจสอบสภาพความพร้อมของรถ รวมทั้งเมาไม่ขับ ยึดกฎจราจรอย่างเคร่งครัด และเพื่อความอุ่นใจ ควรให้ความสำคัญกับการทำประกันภัยเพื่อช่วยบริหารความเสี่ยงภัย โดยเฉพาะการประกันภัยภาคบังคับ (พ.ร.บ.) การประกันภัยรถภาคสมัครใจ และการประกันภัยประเภทอื่น ๆ เพื่อให้ระบบประกันภัยช่วยบริหารความเสี่ยงและเยียวยาความสูญเสียต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกันภัย สามารถสอบถามได้ที่ สายด่วน คปภ. 1186” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย