สมาคมประกันวินาศภัยไทย ผนึก สถาบันพัฒนาการประกันภัยเกาหลี ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมประกันวินาศภัยมุ่งมั่นพัฒนาทักษะการเรียนรู้และแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ทันสมัย
สมาคมประกันวินาศภัยไทย ลงนามบันทึกความเข้าใจกับ สถาบันพัฒนาการประกันภัยแห่งประเทศเกาหลี (KIDI) เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมประกันวินาศภัยให้มีความเติบโตก้าวหน้า มุ่งสู่ระดับสากล พร้อมพัฒนาทักษะการเรียนรู้ผ่านการจัดประชุม สัมมนา และศึกษาดูงาน แลกเปลี่ยนข้อมูลที่ทันสมัย อันก่อให้เกิดเป็นผลประโยชน์ร่วมกันทั้งสององค์กร
ดร.สมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวว่า สมาคมประกันวินาศภัยไทย ได้จัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับ สถาบันพัฒนาการประกันภัยแห่งประเทศเกาหลี (Korea Insurance Development Institute – KIDI) เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา โดยมี Mr. Chang-Eon Heo ประธานสถาบันพัฒนาการประกันภัยแห่งประเทศเกาหลี เป็นผู้ร่วมลงนามในความร่วมมือกันครั้งนี้ของธุรกิจประกันภัยไทยและเกาหลี นับเป็นการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมประกันวินาศภัยให้มีความเติบโตก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้ผ่านการจัดประชุม สัมมนา และศึกษาดูงาน พร้อมแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ทันสมัย รวมถึงระเบียบแนวทางปฏิบัติใหม่ ๆ อันก่อให้เกิดเป็นผลประโยชน์ร่วมกันกับทั้งสององค์กร
ทั้งนี้ ปัจจุบันประเทศเกาหลีใต้ มีจำนวนบริษัทที่ประกอบธุรกิจประกันภัย จำนวน 42 บริษัท ประกอบด้วย บริษัทสมาชิกประกันชีวิต 22 บริษัท และบริษัทสมาชิกประกันวินาศภัย 20 บริษัท โดยในปี 2565 อุตสาหกรรมประกันภัยเกาหลีมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 182,846 ล้านเหรียญสหรัฐ แบ่งเป็น ประกันชีวิต 88,026 ล้านเหรียญสหรัฐ และ ประกันวินาศภัย 94,820 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้มีส่วนแบ่งทางการตลาดโลก 2.7% ส่งผลให้ติดอันดับที่ 7 ของโลก และอันดับที่ 3 ในเอเชีย ซึ่งสถาบันพัฒนาการประกันภัยแห่งประเทศเกาหลี (Korea Insurance Development Institute – KIDI) เป็นองค์กรที่รัฐบาลเกาหลีจัดตั้งขึ้นเพื่อทำหน้าที่ดูแลการดำเนินงานของบริษัทประกันภัย เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของผู้ถือกรมธรรม์ รวมถึงมีส่วนร่วมในการพัฒนาอุตสาหกรรมประกันภัยบนพื้นฐานความรู้ ความเชี่ยวชาญ และความเป็นกลางระหว่างบริษัทประกันภัยกับประชาชน ก่อตั้งขึ้นในปี 1983 และขยายขอบเขตให้ครอบคลุม ไม่เพียงแต่ประกันวินาศภัยเท่านั้นแต่ยังรวมถึงประกันชีวิตด้วย ซึ่งให้บริการตามกฎหมายอุตสาหกรรมประกันภัยตั้งแต่การคำนวณและการตรวจสอบอัตราเบี้ยประกันภัยสุทธิ การจัดทำสถิติการประกันภัย การวิจัยเกี่ยวกับการประกันภัย และการดำเนินงานเครือข่ายคอมพิวเตอร์เพื่อการประกันภัย เป็นต้น
สำหรับความร่วมมือระหว่างสององค์กรในครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อทั้งไทยและเกาหลีที่ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลองค์ความรู้ใหม่ ๆ ในอุตสาหกรรมประกันวินาศภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความร่วมมือในด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ทันสมัยที่ช่วยพัฒนะทักษะบุคลากรในธุรกิจประกันภัยให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจของสมาคมฯ ที่มุ่งเน้นพัฒนาศักยภาพบุคลากรประกันภัยให้เป็นมืออาชีพที่ยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล เพื่อส่งเสริมให้ธุรกิจประกันภัยมีภาพลักษณ์ที่ดีเป็นที่ยอมรับในระดับสากลต่อไป