คปภ. ลงพื้นที่ทันทีให้ความช่วยเหลือด้านประกันภัยกรณีรถยนต์กระบะเฉี่ยวชนรถบรรทุก 6 ล้อ มีผู้เสียชีวิต 5 ราย และบาดเจ็บ 13 ราย ที่จังหวัดตาก
ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า จากกรณีรถยนต์กระบะ 2 ประตู หมายเลขทะเบียน บล 4295 กำแพงเพชร เฉี่ยวชนรถบรรทุก 6 ล้อ หมายเลขทะเบียน 73-4144 สมุทรปราการ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย และบาดเจ็บ 13 ราย เหตุเกิดบริเวณ 4 แยก “ทางหลวง” ตำบลเชียงเงิน อำเภอเมือง จังหวัดตาก เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2566 นั้น เบื้องต้นได้สั่งการให้สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ บูรณาการร่วมกับสายส่งเสริมและประกันภัยภูมิภาค สำนักงาน คปภ. ภาค 1 (เชียงใหม่) และสำนักงาน คปภ. จังหวัดตาก ในฐานะเจ้าของพื้นที่เกิดเหตุ ตรวจสอบการทำประกันภัย พร้อมทั้งติดตามรายงานความเสียหายอย่างเร่งด่วนผ่าน Platform การรายงานข้อมูลกรณีอุบัติภัยกลุ่มหรือรายใหญ่ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งให้ลงพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกด้านประกันภัยให้กับครอบครัวของผู้ประสบภัยอย่างเต็มที่ เพื่อให้ระบบประกันภัยช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม
ทั้งนี้ ได้รับรายงานจากสำนักงาน คปภ. จังหวัดตาก ซึ่งได้ลงพื้นที่ทันที โดยจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า รถยนต์กระบะ 2 ประตู หมายเลขทะเบียน บล 4295 กำแพงเพชร พบข้อมูลการทำประกันภัยภาคบังคับกับ บริษัท เทเวศประกันภัย จำกัด (มหาชน) เริ่มคุ้มครองวันที่ 13 มกราคม 2566 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 13 มกราคม 2567 คุ้มครองกรณีเสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง 500,000 บาทต่อคน กรณีบาดเจ็บสูงสุดไม่เกิน 80,000 บาทต่อคน กรณีสูญเสียอวัยวะ 200,000-500,000 บาทต่อคน กรณีทุพพลภาพอย่างถาวร 300,000 บาทต่อคน และกรณีเข้ารักษาในสถานพยาบาลในฐานะคนไข้ในจะได้รับค่าชดเชยรายวัน 200 บาทต่อวัน รวมกันไม่เกิน 20 วัน โดยเบื้องต้นไม่พบข้อมูลการทำประกันภัยภาคสมัครใจแต่อย่างใด
ด้านรถบรรทุก 6 ล้อ หมายเลขทะเบียน 73-4144 สมุทรปราการ พบข้อมูลการทำประกันภัยภาคบังคับกับบริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) เริ่มคุ้มครองวันที่ 30 มิถุนายน 2566 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 30 มิถุนายน 2567 โดยคุ้มครองกรณีเสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง 500,000 บาทต่อคน กรณีบาดเจ็บสูงสุดไม่เกิน 80,000 บาทต่อคน กรณีสูญเสียอวัยวะ 200,000-500,000 บาทต่อคน กรณีทุพพลภาพอย่างถาวร 300,000 บาทต่อคน และกรณีเข้ารักษาในสถานพยาบาลในฐานะคนไข้ในจะได้รับค่าชดเชยรายวัน 200 บาทต่อวัน รวมกันไม่เกิน 20 วัน
นอกจากนี้รถบรรทุก 6 ล้อ ได้ทำประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ (ประเภท 1) กับบริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เริ่มคุ้มครองวันที่ 30 สิงหาคม 2565 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 30 สิงหาคม 2566 โดยกรมธรรม์ให้ความคุ้มครองต่อความเสียหายตัวรถยนต์ 1,800,000 บาทต่อครั้ง ความเสียหายต่อเสียชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของบุคคลภายนอก จำนวน 500,000 บาทต่อคน 10,000,000 บาทต่อครั้ง ความเสียหายต่อทรัพย์สิน จำนวน 1,000,000 บาทต่อครั้ง ความคุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคล ผู้ขับขี่เสียชีวิต จำนวน 1 คน 100,000 บาท และผู้โดยสารเสียชีวิต จำนวน 2 คน จำนวน 100,000 บาทต่อคน ค่ารักษาพยาบาล 3 คน จำนวนคนละ 100,000 บาทต่อครั้ง และประกันตัวผู้ขับขี่ จำนวน 200,000 บาทต่อครั้ง
ทั้งนี้การติดตามค่าสินไหมทดแทนให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ในเบื้องต้นทายาทโดยธรรมของผู้ขับขี่รถกระบะ หมายเลขทะเบียน บท 4295 กำแพงเพชร จะได้รับค่าสินไหมทดแทนจากการทำประกันภัยภาคบังคับในส่วนที่เป็นค่าเสียหายเบื้องต้น 35,000 บาท ส่วนทายาทโดยธรรมของผู้โดยสารรถยนต์กระบะที่เสียชีวิตทั้ง 4 ราย ทายาทโดยธรรมของผู้ประสบภัยจะได้รับเงินเอาประกันภัยรายละจำนวน 500,000 บาท จากประกันภัยภาคบังคับ โดยสำนักงาน คปภ. จังหวัดตาก จะอำนวยความสะดวกและติดตามอย่างใกล้ชิดเพื่อให้บริษัทจ่ายค่าสินไหมทดแทนอย่างถูกต้อง รวดเร็ว และเป็นธรรม อย่างไรก็ตาม สิทธินอกเหนือจากนี้ อยู่ระหว่างการรวบรวมเอกสาร และผลของคดีการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะเร่งติดตามผลคดี และติดตามการจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาประกันภัยโดยเร็วที่สุดส่วนผู้บาดเจ็บ 13 ราย สำนักงาน คปภ. จังหวัดตาก ได้ประสานไปยังโรงพยาบาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เพื่อแจ้งสิทธิประโยชน์ค่ารักษาพยาบาลจากกรมธรรม์ประกันภัยแล้ว
นอกจากนี้ สำนักงาน คปภ. จะบูรณาการการทำงานร่วมกับสมาคมประกันชีวิตไทย และสมาคมประกันวินาศภัยไทย เพื่อตรวจสอบเพิ่มเติมว่าผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งนี้มีการทำประกันภัยประเภทอื่น ๆ ไว้ด้วยหรือไม่ หากตรวจสอบพบภายหลังว่าผู้ประสบภัยมีการทำประกันภัยประเภทอื่น ๆ เพิ่มเติมอีกก็จะช่วยประสานงานให้ได้รับค่าสินไหมทดแทนเพิ่มเติมตามสัญญาประกันภัยที่ระบุไว้
“สำนักงาน คปภ. ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งนี้ และพร้อมจะดูแลในด้านประกันภัยอย่างเต็มที่ ทั้งนี้อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลาและกับทุกคน เพื่อความอุ่นใจ ควรให้ความสำคัญกับการทำประกันภัยเพื่อช่วยบริหารความเสี่ยงภัย โดยเฉพาะการประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) การประกันภัยรถภาคสมัครใจ และการประกันภัยประเภทอื่น ๆ เพื่อให้ระบบประกันภัยช่วยบริหารความเสี่ยงและเยียวยาความสูญเสียต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมด้านประกันภัย ติดต่อสายด่วน คปภ. 1186” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย