ข่าวประกัน

กลุ่มบริษัทเอไอเอ แถลงผลประกอบการอันแข็งแกร่งประจำปี 2564และการซื้อหุ้นคืนมูลค่า 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐมูลค่าธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 18
มูลค่าหุ้นตามมูลค่าธุรกิจ (EV EQUITY) เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 คิดเป็น 75 พันล้านเหรียญสหรัฐเงินปันผลรวม เพิ่มขึ้นร้อยละ 8

คณะกรรมการบริหารกลุ่มบริษัทเอไอเอ (“เอไอเอ” หรือ “บริษัท” รหัสหลักทรัพย์: 1299) ยินดีอย่างยิ่งที่จะประกาศผลประกอบการของกลุ่มบริษัทเอไอเอ สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564

อัตราการเติบโตรายงานจากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่:

ผลประกอบการของธุรกิจใหม่
มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 18 เป็น 3,366 ล้านเหรียญสหรัฐ
การเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่รายงานบนพื้นฐานที่คล้ายคลึงกัน(1)
เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 เป็น 5,647 ล้านเหรียญสหรัฐ
อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin) เพิ่มขึ้น 6.3 จุด เป็นร้อยละ 59.3

รายได้และทุน
ส่วนที่เพิ่มขึ้นของเงินกองทุนส่วนเกิน (UFSG) อยู่ที่ 6,451 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 8
กำไรจากการดำเนินงานมูลค่ารวม (EV) เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 เป็น 7,896 ล้านเหรียญสหรัฐ
กำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษี (OPAT) เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 เป็น 6,409 ล้านเหรียญสหรัฐ
เงินกองทุนส่วนเกิน เพิ่มขึ้นระหว่างมูลค่า 3.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ ถึง 17 พันล้านเหรียญสหรัฐ เป็นมูลค่า 24.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยประมาณการ(2)
มูลค่าหุ้นตามมูลค่าธุรกิจ (EV Equity) ทำสถิติสูงสุดใหม่ 75 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 13
มูลค่าหุ้นส่วนของผู้ถือหุ้นที่จัดสรรจำนวน 52.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 11
Group Local Capital Summation Method (LCSM) ของกลุ่มบริษัท ครอบคลุมอัตราส่วน(3) ร้อยละ 399

เงินปันผลและโครงการซื้อหุ้นคืน
เงินปันผลสุดท้าย 108.00 เซนต์ฮ่องกงต่อหุ้น
เงินปันผลรวม 146.00 เซนต์ฮ่องกงต่อหุ้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 8
โครงการซื้อหุ้นคืนมูลค่า 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ(4)

นายหลี่ หยวน ชยอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ กล่าวว่า “กลุ่มบริษัทเอไอเอมีผลประกอบการที่แข็งแกร่งมากในปี 2564 โดยมีมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เพิ่มขึ้นร้อยละ 18 และการเติบโตในทุกตัวชี้วัดด้านการเงินที่สำคัญทั้งหมดของเรา รวมถึงการสร้างสถิติมูลค่าหุ้นตามมูลค่าธุรกิจ (EV Equity) สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 75 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยมูลค่าธุรกิจใหม่ของกลุ่มบริษัทนอกฮ่องกงนั้นสูงกว่าช่วงก่อนเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาด รวมถึงการเติบโตในทุกตัวเลขที่รายงานเมื่อเทียบเป็นรายปี ทั้งนี้ สถานะทางการเงินของเรายังคงแข็งแกร่งมาก โดยมีเงินกองทุนส่วนเกินที่ 24.8 พันล้านเหรียญสหรัฐโดยประมาณการ

“คณะกรรมการบริหารได้พิจารณาจ่ายเงินปันผลขั้นสุดท้ายที่ 108.00 เซนต์ฮ่องกงต่อหุ้น ซึ่งจะทำให้เงินปันผลทั้งหมดเพิ่มขึ้นร้อยละ 8 โดยเป็นไปตามนโยบายการจ่ายเงินปันผลที่รอบคอบ ยั่งยืน และก้าวหน้าของเอไอเอ ซึ่งจะผลักดันให้มีโอกาสการเติบโตในอนาคตและก่อให้เกิดความยืดหยุ่นทางการเงินของกลุ่มบริษัท

“ด้วยสถานะทางการเงินอันแข็งแกร่งของเรานี้ คณะกรรมการได้อนุมัติการคืนทุนให้กับผู้ถือหุ้นสูงถึง 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ โดยดำเนินการผ่านโครงการซื้อหุ้นคืนในช่วงสามปีข้างหน้า การซื้อหุ้นคืนแสดงถึงทุนที่สะสมเมื่อเวลาผ่านไปซึ่งเกินความต้องการของเรา ทำให้เกิดสภาวะกดดันในตลาดทุนและการรักษาเงินทุนไว้สำหรับคงความยืดหยุ่นทางกลยุทธ์และการเงิน การคืนทุนนี้ช่วยเพิ่มผลตอบแทนของผู้ถือหุ้น ในขณะที่ยังรักษาความแข็งแกร่งทางการเงินที่ทำให้เอไอเอสามารถต่อยอดการลงทุนได้อย่างมั่นใจในโอกาสสำคัญที่จะสร้างการเติบโตได้

“นับตั้งแต่การเสนอขายหุ้น IPO เราให้ความสนใจการเติบโตของผลกำไรอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างผลตอบแทนที่น่าดึงดูด และการลงทุนธุรกิจใหม่ของเราที่ 16.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ได้เพิ่มมูลค่าของรายได้ที่สามารถส่งมอบให้แก่ผู้ถือหุ้นได้ในอนาคตถึง 44.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ และในปี 2564 เราได้ลงทุนมูลค่า 2.4 พันล้านเหรียญสหรัฐเพื่อเพิ่มโอกาสในการเติบโต และเพิ่มการเปิดรับตลาดธุรกิจประกันชีวิตที่น่าสนใจเป็นอย่างมากในประเทศจีนผ่านการลงทุนในบริษัท China Post Life Insurance Co., Ltd. (China Post Life) รวมถึงการขยายช่องทางการขายของเราโดยร่วมเป็นพันธมิตรกับธนาคารแห่งเอเชียตะวันออก หรือ BEA นอกจากนี้ เราวางแผนที่จะลงทุนสูงถึง 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2566 พร้อมกับการปรับตัวในการใช้เทคโนโลยี ดิจิทัล และการวิเคราะห์ทั่วทั้งกลุ่มบริษัทเพื่อรองรับเป้าหมายการเติบโตในอนาคตของเรา

“เอไอเอ ประเทศจีน ยังคงเป็นตลาดที่สร้างมูลค่าธุรกิจให้กับกลุ่มบริษัทเอไอเอมากที่สุด ด้วยมูลค่าธุรกิจใหม่เติบโตเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 10 บนพื้นฐานที่คล้ายคลึงกัน โดยได้รับแรงหนุนจากผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยมจากตัวแทนที่มีประสิทธิภาพ สร้างมูลค่าการเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นตัวเลข 2 หลักในปี 2564 ขณะที่จำนวนตัวแทนในช่วงครึ่งปีแรกลดลงเล็กน้อย เราจึงริเริ่มการสรรหาตัวแทนใหม่มาเพิ่มซึ่งก็ประสบความสำเร็จ ทำให้ยอดพลังตัวแทนกลับมาเติบโตในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเราได้เจาะตลาดธุรกิจประกันชีวิตในประเทศจีนเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้เอไอเอมีศักยภาพในการเติบโตอย่างมหาศาล เรามองเห็นโอกาสที่สำคัญใหม่ ๆ ในการช่วยให้ลูกค้าประหยัดค่าใช้จ่ายด้านการเงินในระยะยาวรวมถึงการเกษียณอายุ ข้อเสนอแผนการออมระยะยาวชุดใหม่ของเราจะช่วยดึงดูดลูกค้าใหม่และเพิ่มส่วนแบ่งของเงินในกระเป๋าของลูกค้าปัจจุบันได้มากขึ้น

“เอไอเอ ประเทศจีน อยู่ในตำแหน่งที่โดดเด่นในการใช้ประโยชน์จากศักยภาพการเติบโตของตลาดประกันชีวิตในประเทศจีน หลังจากเปิดตัวสาขาเสฉวนในเดือนมีนาคม 2564 และสาขาใหม่ในมณฑลหูเป่ยได้เปิดให้บริการในเดือนมกราคม 2565 เรากำลังก้าวหน้าอย่างแข็งแกร่งพร้อมกับการเพิ่มขึ้นของตัวแทนระดับพรีเมียร์ของเราในพื้นที่ใหม่ ๆ ด้วยมูลค่าธุรกิจที่เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 74 จากมณฑลเทียนจิน ฉือเจียจวง และเสฉวน เมื่อเทียบกับปี 2563 เอไอเอ ประเทศจีน กำลังใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงโมเดล การขายประกันชีวิตผ่านธนาคารพาณิชย์ (Bancassurance) ในจีนแผ่นดินใหญ่ และเราได้เปิดตัวความร่วมมือพิเศษระหว่าง BEA ในปี 2564 อีกทั้งยังได้ลงนามความร่วมมือใหม่ในการขายประกันชีวิตผ่านธนาคารพาณิชย์ กับ Postal Savings Bank of China Co., Ltd เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2565

“ในปี 2564 มูลค่าธุรกิจใหม่ของฮ่องกงมีการเติบโตถึงร้อยละ 37 โดยได้แรงหนุนจากกลุ่มลูกค้าภายในประเทศของเรา ในขณะที่โครงการการท่องเที่ยวแบบส่วนบุคคล (Individual Visit Scheme) ระหว่างจีนแผ่นดินใหญ่ยังคงถูกระงับสำหรับฮ่องกงตลอดปี 2564 แต่โครงการได้กลับมาดำเนินการอีกครั้งสำหรับมาเก๊า ซึ่งสามารถสนับสนุนการเติบโตอย่างยอดเยี่ยมในการขายให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่สำหรับสาขามาเก๊าของเราเมื่อเทียบกับปี 2563 โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์เรือธงใหม่ เอไอเอ ฮ่องกง เติบโตอย่างแข็งแกร่งทั้งจากช่องทางตัวแทนและช่องทางการขายผ่านธนาคาร ความร่วมมือใหม่ของเรากับ BEA ได้ดำเนินการอย่างแข็งแกร่งตั้งแต่เปิดตัวในเดือนกรกฎาคม 2564 และมีส่วนสนับสนุนการเติบโตอย่างยอดเยี่ยมสำหรับช่องทางการขายผ่านธนาคารของเรา ในเดือนมีนาคม 2565 เราได้ประกาศความร่วมมือกับ BEA และเข้าซื้อกิจการบริษัท Blue Cross (Asia-Pacific) Insurance Limited เพื่อเพิ่มกลยุทธ์ด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีในฮ่องกง

“เอไอเอ ประเทศไทย มีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 34 ในปี 2564 ซึ่งสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงรุกในการผสมผสานระหว่างผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุนและผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตทั่วไป รวมถึงการเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นตัวเลข 2 หลักทั้งในช่องทางการขายผ่านตัวแทนและพันธมิตรของเรา ในประเทศสิงคโปร์มีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 ในปี 2564 และการใช้เครื่องมือดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นของตัวแทนสามารถช่วยลดผลกระทบจากข้อจำกัดการแพร่ระบาดของโรคติดต่อที่รุนแรงขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง

“เอไอเอ ประเทศมาเลเซีย มีมูลค่าธุรกิจใหม่เติบโตขึ้นร้อยละ 26 ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตขึ้นแบบก้าวกระโดดของช่องทางตัวแทน พันธมิตรช่องทางการขาย และการเติบโตที่ยอดเยี่ยมของผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตแบบตะกาฟุล เมื่อเปรียบเทียบตลาดประเทศอื่น ๆ ที่เราทำธุรกิจอยู่ ซึ่งมีมูลค่าธุรกิจใหม่ในปี 2564 สูงกว่า บนพื้นฐานที่คล้ายคลึงกัน โดยการเติบโตแบบก้าวกระโดดในช่วงครึ่งปีแรกถูกหักลบด้วยมาตรการควบคุมโรคระบาดที่เข้มงวดในช่วงครึ่งปีหลัง

“ในปี 2564 เราเพิ่มกลยุทธ์หลักที่สำคัญโดยการปรับองค์กรให้ง่ายขึ้น รวดเร็วขึ้น และเชื่อมต่อกันมากขึ้นการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้อย่างรวดเร็วและขยายการใช้งานด้านเทคโนโลยี ดิจิทัล และการวิเคราะห์ของกลุ่มบริษัท เป็นส่วนสำคัญของความสำเร็จที่ทำให้เราก้าวผ่านสถานการณ์โรคระบาดและสนับสนุนให้เราสามารถสร้างโอกาสในการเติบโตใหม่ ๆ ผ่านดิจิทัลโมเดล ที่ช่วยเพิ่มผลผลิตจากช่องทางการขายต่าง ๆ รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพ และช่วยปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้าให้ดีขึ้น

“ผมรู้สึกยินดีกับความสำเร็จจากการลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 24.99 ในบริษัท China Post Life Insurance Co., Ltd. (China Post Life) ซึ่งเป็นบริษัทประกันชีวิตในเครือธนาคารที่เป็นผู้นำในตลาดลูกค้ามั่งคั่ง เพื่อเสริมความมุ่งมั่นในการส่งมอบความคุ้มครองทางการเงินให้แก่ลูกค้าในวงกว้าง รวมถึงครองตลาดลูกค้ามั่งคั่งในจีนแผ่นดินใหญ่ โดยถือเป็นอีกก้าวสำคัญของเอไอเอที่ช่วยเพิ่มความน่าสนใจและดึงดูดลูกค้าในตลาดประกันชีวิตของจีน ซึ่งการลงทุนในครั้งนี้ช่วยเติมเต็มกลยุทธ์ของเอไอเอ ประเทศจีน ในการมุ่งเป้าไปที่ลูกค้าระดับกลาง และลูกค้ามั่งคั่ง อีกทั้งยังส่งเสริมให้เอไอเอ ได้ประโยชน์จากการเติบโตที่สูงขึ้นในจีนแผ่นดินใหญ่จากลูกค้ากลุ่มดังกล่าว

“ในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 เราได้ประกาศการก่อตั้งธุรกิจเฮลธ์ อินชัวร์เทค ซึ่งเป็นนวัตกรรมดิจิทัลด้านสุขภาพ และให้บริการภายใต้ชื่อ “แอมพลิฟายเฮลธ์” โดยร่วมมือกับบริษัท ดิสคัฟเวอรี่ จำกัด (ดิสคัฟเวอรี่) ซึ่งเป็นพันธมิตรกับเอไอเอ ไวทัลลิตี้มาอย่างยาวนาน เราจะได้รับโอกาสอย่างมากมายจาก “แอมพลิฟายเฮลธ์” ด้วยค่าใช้จ่ายด้านการดูแลสุขภาพในตลาดของเรา ซึ่งคาดการณ์ไว้ว่าจะมากกว่า 4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2573 จากความร่วมมือกันอย่างดีที่สุดระหว่างสองบริษัท โดยเอไอเอ เป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่ง มีแพลตฟอร์มช่องทางการขายที่มีประสิทธิภาพ และศักยภาพด้านเทคโนโลยีของดิสคัฟเวอรี่ที่ถือเป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่ได้รับการยอมรับมานานกว่า 3 ทศวรรษ ตลอดจนความเชี่ยวชาญด้านสุขภาพ วิสัยทัศน์ของเราสำหรับ “แอมพลิฟายเฮลธ์” ก็คือการเปลี่ยนแปลงประสบการณ์ของลูกค้าบุคคล ลูกค้าองค์กร คู่ค้า และผู้ให้บริการ พร้อมทั้งการจัดการด้านประกันสุขภาพและส่งมอบการดูแลด้านสุขภาพ ช่วยให้ผู้ป่วยและคนทั่วทั้งเอเชียมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น

“เอไอเอ มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำระดับโลกในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ดังที่เราวาดอนาคตที่ยั่งยืนให้กับชุมชนของเราในภูมิภาคเอเชีย ในปี 2564 เราได้ขยับตัวเองไปข้างหน้าด้วยความตั้งใจของเราในการประกาศกลยุทธ์ใหม่ นั่นคือ กลยุทธ์ ESG รวมถึงการถอนการลงทุนทั้งหมดในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเหมืองแร่ถ่านหินและพลังงานถ่านหิน 7 ปีล่วงหน้า และในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เรายังได้ให้คำมั่นสัญญาว่าเราจะเป็นบริษัทที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศให้เท่ากับศูนย์ภายในปี 2593

“ด้วยความทุ่มเทของทีมงานที่ได้สร้างการเติบโตที่ยอดเยี่ยมในปี 2564 รวมทั้งยังได้ช่วยเสริมความแข็งแกร่งของเอไอเอ และสร้างความได้เปรียบในเชิงการแข่งขัน ผมมั่นใจว่าเป้าหมายในระยะยาวสำหรับธุรกิจทั้งหมดของเราจะยังคงสดใสอย่างแน่นอน โดยมีแรงผลักดันที่ช่วยขับเคลื่อนจากความต้องการภายในประเทศ และแนวโน้มของประชากรในเอเชีย ที่สำคัญเราจะยังคงยึดมั่นตามคำมั่นสัญญาของเราในการช่วยสนับสนุนผู้คนให้มีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามกลยุทธ์หลักที่สำคัญเพื่อช่วยสร้างคุณค่าระยะยาวที่ยั่งยืนให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องของเราทุกฝ่าย”

Related Articles

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button