“ทริสฯ” จัดอันดับ PTG ที่ BBB+คาดรายได้โต 10% ยอดขายเพิ่ม 7%
“ทริสเรทติ้ง” จัดอันดับเครดิต PTG ระดับ “BBB+” แนวโน้ม “คงที่” สะท้อนความแข็งแกร่งของธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน แม้จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 ชี้รักษาส่วนแบ่งทางการตลาดอันดับ 2
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด (TRIS Rating) ได้จัดอันดับเครดิตองค์กรของ PTG ที่ระดับ BBB+ พร้อมแนวโน้มโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” ซึ่งสะท้อนสถานะความแข็งแกร่งทางการตลาดของบริษัทฯในธุรกิจค้าปลีกน้ำมันทั้งในส่วนของยอดขายและเครือข่ายสถานีบริการ (ปั๊มน้ำมัน) ถึงแม้ว่าจะมีสถานะการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในปีที่ผ่านมา
เนื่องจากในปีที่ผ่านมาบริษัทฯ สามารถเพิ่มยอดขายน้ำมันผ่านสถานีบริการได้สูงถึง 4.74 พันล้านลิตร หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 8.1% เมื่อเทียบกับปี 2562 ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถรักษาส่วนแบ่งการตลาดในอันดับ 2 ได้อย่างต่อเนื่อง และมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 16% ในปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจาก 14% ในปี 2562 และจากการขยายสถานีบริการที่เพิ่มขึ้นกว่า 2,094 แห่ง ทำให้บริษัทฯ มีเครือข่ายสถานีบริการเป็นอันดับ 2 ด้วย
ทั้งนี้ ทริสฯ ยังคาดว่า บริษัทฯ ยังคงรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดได้อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการขยายตัวของธุรกิจก๊าซ LPG ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการขยายสถานีบริการก๊าซ LPG ที่เพิ่มขึ้นอีก 23 แห่ง ในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้บริษัทฯ มียอดขายก๊าซ LPG ที่เพิ่มขึ้นจาก 134 ล้านลิตร ในปี 2562 เพิ่มขึ้นเป็น 152 ล้านลิตร ในปี 2563
นอกจากนี้ ทริสฯ ยังประเมินว่า นอกเหนือจากการขยายสถานีบริการน้ำมันอย่างต่อเนื่องแล้ว แบรนด์ “PT” ของบริษัทฯ ยังเป็นที่รู้จักมากขึ้น ทั้งการขยายสาขาใหม่ๆ การปรับปรุงสถานีบริการให้มีความทันสมัย ประกอบกับการเพิ่มช่องทางบริการอื่นๆ ทั้งร้านสะดวกซื้อ (Max Mart) ร้านกาแฟ (พันธุ์ไทย) และศูนย์บริการรถยนต์ (Autobacs) รวมถึงการมีแผนพัฒนาระบบการเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเพิ่มประโยชน์จากการส่งเสริมการตลาดระบบสมาชิก “PT Max Card” เพิ่มอีกด้วย
“ในปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าปริมาณการจำหน่ายน้ำมันให้เพิ่มขึ้น 8-12% รวมถึงปริมาณการจำหน่ายแก๊ส LPG ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 15-20% จากการขยายสถานีบริการ และการพัฒนาคุณภาพมาตรฐานการบริการอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทฯ คาดว่ากำไรก่อนหักภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA) จะเพิ่มขึ้น 10-15% จากปีที่แล้ว” นายพิทักษ์กล่าว